พระสาธิต ธีรปญฺโญ

ในหลวงเสด็จพบกับกลุ่มเกษตรอินทรีย์สร้างชุมชนมั่นคงทางอาหารผ่านพลัง

          “อู๋จ๋า” ขอให้พาไปเรียนรู้เรื่องราวดีๆ ฟอร์มูล่าวัน ของ “พระสาธิต ธีรปญฺโญ” ซึ่งรวมถึงสถาบันธรรมาภิวัฒน์ที่รวบรวมคุณประโยชน์แก่ชุมชนบ้านสบเติ๋น ขอความช่วยเหลือ และต .อินทรีย์นาสักอ.แม่เมาะ มีคุณภาพชีวิตที่ดีจากการทำเกษตรมากว่า 8 ปี ภายใต้แนวคิด “เอาธรรมะเป็นฐานเอาเกษตรเป็นทุนเอาบุญเป็นลูกค้า” และหลัก “น้อมรับ”

สำรองข้อมูลไว้เพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมต่างๆ

         พระสาธิต ธีรปญฺโญ คอยติดตามความคิดของท่านเอง บรรพชาตั้งแต่อายุ13 ปี สวดพระอภิธรรมตอนอายุ 21 ปี เมื่อ พ.ศ. 2547 ที่ร้านร่ำเปิง จ.เชียงใหม่ มอบธรรมแก่ให้แก่และคณะดูงานและกลับบ้านสบเติ๋นมาเยี่ยมแม่อีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2551 ตั้งเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาธรรมาภิวัฒน์ตามมาด้วยเชิงสร้างสรรค์ ให้มาต่อจากนี้จากการทำอาหารเช่นจัดการแข่งขันฟุตบอล สอนดนตรีสะล้อ ซูซุง บางครั้งก็สร้างศูนย์เรียนรู้คอมพิวเตอร์สำหรับเด็กที่ต้องการใช้ คอม1 ชั่วโมงต้องช่วยพ่อแม่ทำงานและอย่าลืมพร้อมลายเซ็นต์พ่อแม่มายืนยันด้วย จะได้นำกลุ่มเยาวชนเที่ยวป่าเห็นความมากกว่านี้โทรมของป่า จึงคิดสร้างพัฒนากิจกรรมป่าเช่น บวชป่ากับป่า สร้างความบกพร่องและแนวปฏิบัติร่วมกันเมื่อเด็กห่าง ไกลจากที่จะเริ่มเติบโตจึงส่งการเรียนรู้โดยรวมทำก็ผสานรวมการเกื้อกูลโดยรวบรวมลูกศิษย์ทั้ง 9 คนจะโอนเงินคนละ 500 บาท เป็นเหตุให้ต้องให้กลุ่มเหล่านั้นจำนวน 15 คน ปี 2552 เป็นที่สถาบันฯ ขึ้น บอกให้แน่วแน่กว่านี้บนฐานพุทธธรรมที่ได้รับมอบจากพุทธสังคมิกชนบ้านสบเติ๋นที่ศรัทธา

พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน

          ปี พ.ศ.2558 เพื่อหารายได้และแหล่งอาหารที่มีความมั่นคงและปลอดภัยต่อสุขภาพ ตามความต้องการของพื้นที่สถาบันฯ เดิมปลูกในข้าวโพดฝนตกสารเคมีไหลลงแม่น้ำจางๆ 5 ไร่ ปลูกผักที่ชาวบ้านชอบกิน เช่น แตงกวา ถั่วฟักยาว ผักคะน้า เห็ดหอม คะนอง ผักบุ้ง ผักกาดจ้อน กะหล่ำดอก บล็อคโคลี เป็นต้น โดยนำความรู้จากเครือข่ายทั้งบุรีรัมย์ น่าน มาฝากและชาวชุมชน หาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไปและผู้สูงอายุที่แข็งแรงร่วม 20 คน มาช่วยกันปรับดิน เพาะกล้า ปลูกผัก รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย ปุ๋ยอินทรีย์เก็บสะสมขาย วันละ 200-300 ต่อคนที่จะว่าจ้างให้อัตราภาษีศุลกากรถัดไปต้องฟังเทศก์ทุกวันพระเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนจากพุทธศาสนาในการใช้เพื่อให้สงบสุข พระสาธิต ธีรปญฺโญกล่าว ถึงแนวคิดการพัฒนาชุมชนว่า“พุทธศาสนารวมสูงสุดสองอย่างคือ ดับทุกข์เพิ่มสุข การดับทุกข์ทางกายได้มากกว่านี้กินมีใช้ก่อนที่จะไม่ได้ทำงาน ซึ่งคนที่ไม่ได้ศึกษาจะเกิดอะไรขึ้นบ้างที่จะสร้างเงยได้ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกพืชผักเป็นอาชีพ มีมาแต่โบราณที่จะทำงานเกษตรให้ได้มากที่สุดทุกพื้นที่ที่มีดินและน้ำแล้วต้องใช้พลังความขยันเท่านั้น”

ปลูกผักหล่อเลี้ยงคนทั้งชุมชนบนพื้นฐานที่ใกล้เคียงธรรมและหลัก “บวร”

          กว่า8 ปีที่พระสาธิต ธีรปญฺโญ และชาวบ้านต่างวัยเริ่มเรียนป. 4 อายุยืน 70 กว่าการร่วมพลังกันจนปัจจุบันกลายเป็น “ศูนย์เรียนรู้ธรรมวิถีสถาบันธรรมาภิวัฒน์” ให้นักเรียนตรวจสอบเบื้องต้นองค์กรทั้งคนทั่วไปและเอกชนอ.แม่เมาะ และ จ.ลำปาง มาศึกษาเรียนรู้ดูงานและนำไปปฏิบัติ และผักสวนครัวของสถาบันฯ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหมู่บ้านสบเติ๋น เพราะราคาถูก เจ้าหน้าที่ใช้ปุ๋ยหมัก ใช้น้ำส้ม ควันไม้แทนการใช้ สารเคมีฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ร้านค้าชุมชนหมู่บ้านใน ต.นาสัก และตำบลอื่นๆ เช่น บ้านแม่แจ่ม บ้านปงต้นปิน บ้านสบป้าด บ้านข่วงม่วง ซื้อผักจากสถาบันฯ ป้าช่วยเซฟเติร์น แม่จางก็ซื้อผักสำหรับอาหารกลางวันที่นี่ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากสถาบันฯ นำผักมาทำอาหารสำหรับบางคนที่มาเรียนหนังสือและผู้สูงอายุร่วม 100 คนที่มาเรียนโรงเรียน ก่อนหน้านี้ทุกวันพุธแรกและวันพุธที่จะถึงนี้เดือนที่สถาบันฯ ทำงานร่วมกันอย่างสม่ำเสมอเพราะคอยติดตามงานที่เหลือเอาธรรมะเป็นฐานซึ่งก็คือปล่อยให้ปล่อยให้เราเอาเกษตรเป็นทุนเอาบุญเป็นกลุ่มเป้าหมายต่อไปคนสูงวัยมองถึง โลกหน้าแล้วทั้งหลักบวร (บ้าน วัด โรงเรียน) เกิดสังคมที่เกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

โซล่าเซลล์ แผนงานสำคัญในอนาคต พัฒนา ศูนย์เรียนรู้ธรรมวิถี

          เพื่อผลิตผักทุกฤดูให้พอกินมีเหลือแจกและจำหน่าย ปัจจุบบันพระสาธิต ธีรปญฺโญ และชุมชนทดลองปลูกป่าในบริเวณบ้านในโรงเรือนและจากนั้นก็จะมีน้ำให้พอใช้ตามฤดูกาลซึ่งเป็นแหล่งสะสม งบติดตั้งแผงโซลาเซลล์แทนการใช้เครื่องสูบน้ำจากแม่น้ำจางมาเก็บไว้แล้วใช้แรงคนรดน้ำผักช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่แพง

“สิ่งสำคัญคือชาวบ้านมาเรียนรู้แล้วไปทำที่บ้านทำเองได้ ถูก” พระสาธิต ธีรปญฺโญ กล่าวทิ้งท้าย

ดังนั้นร่วมเป็นสะพานบุญอุดหนุนหรือให้คำปรึกษาแผงโซล่าเซลล์ติดต่อได้ที่ 089-632-55233 (พระสาธิต ธีรปญฺโสมะ) ,091-072-5666 (สิบเอกสุชาติ สังคีรี เลขานุการฯ) หรือ เพจสถาบัน ธรรมาภิวัฒน์